Last updated: 9 พ.ย. 2561 | 64085 จำนวนผู้เข้าชม |
อันดับเเรกเราต้องรู้ก่อนว่าเตารีดมีกี่แบบ
1. เตารีดแบบธรรมดานิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน เพราะวิธีใช้ง่ายแสนง่าย มีปุ่มสำหรับปรับอุณหภูมิให้เหมาะกับผ้าแต่ละชนิด เมื่อความร้อนถึงกำหนด อุปกรณ์ควบคุมอุณหภูมิจะตัดทันทีโดยอัตโนมัติ
2. เตารีดแบบไอน้ำ พัฒนาขึ้นมาจากเตารีดแบบธรรมดา ส่วนประกอบจึงคล้ายกันแต่ทำงานสะดวกกว่า มีภาชนะสำหรับเก็บนำเพื่อผลิตเป็นไอน้ำให้กับผ้าที่ต้องการรีด ทำให้ไม่จำเป็นต้องพรมน้ำให้กับผ้า แต่กำลังไฟที่ใช้จะสูงกว่าเตารีดแบบธรรมดา
3. เตารีดแบบกดทับ มีใช้กันไม่มากนัก เพราะราคาค่อนข้างสูง แต่ทำให้รีดผ้าจำนวนมากได้ในเวลาอันรวดเร็ว เหมาะสำหรับการใช้งานในร้านซักรีด เตารีดแบบนี้ใช้พลังงานโดยรวมน้อยกว่าเตารีดแบบธรรมดาและแบบไอน้ำ
เมื่อเราพร้อมเเล้ว เรามาเตรียมพร้อมก่อนรีดกันเลย
1. ตรวจดูหน้า(สัมผัสของเตารีด)หากมีคราบสกปรกให้ใช้ฟองน้ำชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดออกเพราะคราบสกปรกจะเป็นค่าต้านทานความร้อนทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าในการเพิ่มความร้อนมากขึ้น
2. เก็บผ้าที่รอรีดไว้ให้เรียบร้อย ทำให้ผ้ายับน้อยที่สุดตั้งแต่เวลาซักและเวลาตากดึงผ้าให้ตึง จะทำให้รีดง่ายและ ประหยัดพลังงาน
3. ก่อนจะรีดควรแยกประเภทของผ้าไว้เสมอ เพื่อความสะดวกในการเลือกรีดก่อนหรือหลัง
4. รวบรวมผ้าที่จะรีดแต่ละครั้งให้มากพอ ไม่ควรรีดทีละชุด เพราะในการเสียบปลั๊กแต่ละครั้งจะมีช่วงสิ้นเปลืองไฟ ในเวลาที่รอให้ความร้อนสูงถึงระดับ
เมื่อเตรียมพร้อมเสร็จเเล้วก็มาลงมือกันเลย
1. ไม่ควรพรมน้ำมากจนเกินไป เพราะจะทำให้สูญเสียความร้อน
2. เริ่มจากการรีดผ้าบางๆ หรือผ้าที่ต้องการความร้อนน้อยก่อน พอเตารีดเริ่มร้อนขึ้นแล้วจึงรีดผ้าที่ต้องการความร้อนสูง
3. ควรถอดปลั๊กก่อนเสร็จสิ้นการรีดประมาณ 3-4 นาที เพราะความร้อนที่เหลืออยู่ในเตารีดไฟฟ้ายังสามารถรีดผ้าชนิดที่ไม่ต้องการความร้อนมาก เช่น ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น
เราจะประหยัดไฟจากอะไรได้บ้าง มาดูกัน
– ในการรีดผ้าแต่ละครั้งควรรวบรวมผ้าไว้รีดรวมกันครั้งละหลายๆ ชุด การรีดผ้าหลายๆชุดใน 1 ชั่วโมง จะประหยัดกว่าการเสียบ/ถอดปลั๊กหลายๆ ครั้ง เพื่อรีดเพียงครั้งละชุด
– อย่าพรมน้ำเปียกจนเกินไป เพราะจะทำให้เสียเวลาในการรีดประมาณ 2 เท่า สิ้นเปลืองไฟมากขึ้น
– เตารีดที่ใช้งานมานานๆ ถึงจะไม่มีการเสียหายชำรุด ก็ควรมีการตรวจสอบหรือเปลี่ยนอุปกรณ์ภายในบางอย่าง รวมทั้งสายไฟที่ต่อซึ่งอาจมีการชำรุด เสื่อมสภาพลง ทำให้วงจรติดต่อภายในไม่ทำงาน
- ที่สำคัญควรเลือกสินค้าที่ผ่านการรับรองประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นมาตรฐานการประหยัดไฟจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
20 ก.พ. 2562
3 ธ.ค. 2563
21 พ.ย. 2563